ตายแล้วไปไหน…ทีมแพทย์เมืองผู้ดีเผยผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ว่าด้วยเรื่องชีวิตหลังความตาย!!

ชีวิตหลังความตาย…เรียกได้ว่าเป้นหนึ่งในปัญหาโลกแต่ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ตายแล้วไปไหน ยังเป็นปริศนาคาใจที่เรายังหาข้อพิสูจน์กันอยู่จนกระทั่งปัจจุบัน

กระทั่งล่าสุด!! ทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเซาแธมป์ตัน ในเมืองเซาแธมป์ตัน ประเทศอังกฤษ ใช้เวลานาน 4 ปี ศึกษาวิจัยและเก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบผู้ป่วยจำนวน 2,060 คน !! ซึ่งเป็นผู้ที่ป่วยหนักและมีอาการหัวใจหยุดเต้นทั้งสิ้น

โดยทีมวิจัยได้ทำการสำรวจผู้ป่วยในกว่า 15 โรงพยาบาล ทั้งในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และออสเตรียเลยล่ะ

ซึ่งในจำนวนผู้ป่วยที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้้ มีผู้รอดชีวิตจากภาวะดังกล่าว 330 ราย เป็นกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการสอบถาม ซักประสบการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างละเอียด

โดยการวิจัยครั้งนี้ก็ถือเป็นการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ต่อภาวะ “เฉียดตาย” และ “ประสบการณ์นอกร่างกาย” ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำกันมาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์เลยล่ะครับ

นายแพทย์ แซม พาร์เนีย หัวหน้าทีมวิจัยครั้งนี้ สรุปผลการวิจัยเอาไว้ว่า ทีมวิจัยพบว่ามีกลุ่มตัวอย่างเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ที่รอดชีวิตจากภาวะการณ์ดังกล่าว และได้บอกเล่าถึงประสบการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านั้น “มีความรู้สึกตัว” บางอย่างคงอยู่!!

หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นชายชาวเมืองเซาแธมป์ตัน วัย 57 ปี ซึ่งได้เล่าว่า เธอจำได้ว่าออกจากร่างกายตัวเอง แล้วไปหยุดมองหมอและพยาบาล พยายามทำให้ตัวเองฟื้นคืนชีพอยู่ตรงมุมห้อง ทั้งๆ ที่ชายผู้นี้หัวใจหยุดเต้นและในทางการแพทย์ถือว่า “ตาย” ไปแล้ว เป็นเวลา 3 นาที!!

เนื่องจากชายผู้นี้จำรายละเอียดได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งเสียงของเครื่องมือแพทย์ชิ้นหนึ่ง ซึ่งจะส่งเสียง ปิ๊ด ทุกๆ 3 นาที เขาจำได้ว่าเขาได้ยินเสียงปิ๊ด 2 ครั้งด้วยกัน

นอกจากนั้น เขายังสามารถให้รายละเอียดของทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องได้ ทั้งยังได้ยินเสียงอีกต่างหาก ทั้งนี้ นายแพทย์ พาร์เนียพูดถึงชายผู้นี้ว่า น่าเชื่อถือมาก และจากการตรวจสอบกับทีมหมอ-พยาบาล ทุกอย่างที่เขาบอกว่าเกิดขึ้น เกิดขึ้นจริงในห้วงเวลาดังกล่าว!!

ในขณะที่มีอีกหลายคนมากที่ไม่สามารถย้อนรำลึกถึงรายละเอียดจำเพาะที่เกิดขึ้นได้ แต่โดยรวมแล้วผู้ที่มีประสบการณ์ทำนองนี้มักบอกเล่าออกมาคล้ายๆ กัน ที่พบทั่วไปอย่างหนึ่งคือ พวกเขารู้สึกถึงความสงบอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ทั้งนี้มีผู้ป่วยราวๆ 1 ใน 3 บอกว่า เวลาสำหรับพวกเขาในเวลานั้นเปลี่ยนไปจากภาวะปกติ ถ้าไม่ช้าลงก็เร็วขึ้นจนรู้สึกได้ บางคนบอกถึงการได้เห็นแสงสว่างจ้าเหมือนแสงสีทองจ้าของดวงอาทิตย์ คนอื่นๆ เล่าถึงความรู้สึกกลัว หรือรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ และยังมีบางส่วนที่เล่าว่าสามารถรู้สึกได้ว่ากำลังถูกแยกออกจากร่างกาย…หยึยยย ฟังแล้วขนลุกเลยล่ะครับ!!

นายแพทย์ เดวิด ไวลด์ นักวิจัยด้านจิตวิทยา จากมหาวิทยาลัยนอตติงเเฮม เทรนท์ ชี้ว่า รายงานการศึกษาดังกล่าวถือเป็นหลักฐานที่ดีอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่ามี ประสบการณ์บางอย่างเกิดขึ้นจริงหลังจากที่คนเราถือว่าตายไปแล้ว และนี่ถือว่าเป็นหลักฐานทางการแพทย์ในด้านนี้ได้อย่างดีเลยล่ะ

แต่การวิจัยนี้ก็คงต้องศึกษากันต่อไปนะครับ ถึงจะได้ข้อสรุปที่ลึกซึ้งและชัดเจนกว่านี้ ไม่แน่นะครับ อีกไม่กี่ปีเราคงสามารถเข้าใจเรื่องลี้ลับตั้งแต่ก่อตั้งมนุษยชาตินี้ได้ หรือแม้กระทั่งติดต่อกับโลกแห่งวิญญาณได้เลยทีเดียว…

Source: Mtichon