สวัสดีครับเพื่อนๆ ในช่วงชีวิตของเราแต่ละคนก็ต้องผ่านอะไรมามากมาย ทั้งสิ่งที่เราได้เรียนรู้ ได้เข้าใจและไม่เข้าใจ แต่บางทีโลกก็มีหลักการง่ายๆให้กับชีวิตเราครับ นักจิตวิทยาได้ทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับจิตใจของมนุษย์และค้นพบเรื่องราวที่น่าสนใจมากๆดังนี้ ลองเปรียบเทียบแนวคิดและประสบการณ์ของคุณกับข้อความด้านล่างนี้ได้เลย
1. หากคุณเปิดเผยเป้าหมายของตัวเองให้ผู้อื่นรู้ก็มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จน้อยลงเพราะคุณสูญเสียแรงจูงใจไปแล้ว
(มีการศึกษาตั้งแต่ต้นปี 1933 ว่าเมื่อเป้าหมายถูกประกาศออกไปแล้ว มีแนวโน้มที่คนเราจะประสบความสำเร็จน้อยลงเนื่องจากพวกเขาสูญเสียแรงจูงใจไปแล้ว)
2. คนส่วนใหญ่มีเพลงโปรดเนื่องจากตรงกับความรู้สึกในชีวิตจริง
เป็นที่รู้กันดีว่าดนตรีจะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ได้โดยตรง เช่นเดียวกับกลิ่นบางกลิ่นที่ทำให้เราหวนนึกถึงเหตุการณ์บางอย่างในอดีตได้เช่นกัน
3. ดนตรีคือสิ่งที่สะท้อนความเข้าใจโลกของคุณ
การฟังเพลงไม่ว่าจะเป็นเพลงที่ทำให้มีความสุขหรือโศกเศร้าล้วนเปลี่ยนวิธีมองโลกของพวกเราได้
4. การศึกษาพบว่าการใช้จ่ายเงินเพื่อคนอื่นทำให้มีความสุขมากกว่าการใช้จ่ายเพื่อตัวเอง
การศึกษาพบว่าคนที่ใช้จ่ายเงินเพื่อผู้อื่นจะมีความสุขและเรามักคาดหวังปฏิกิริยาตอบสนองของคนเหล่านั้นที่มีต่อของขวัญที่เราให้ในวันคริสต์มาสมากกว่าแค่สนใจว่าของขวัญชิ้นนั้นคืออะไร
5. การใช้เงินซื้อประสบการณ์จะทำให้คุณมีความสุขมากกว่าการใช้เงินซื้อสิ่งของ
ความสุขจะเพิ่มขึ้นเมื่อวัดจากอารมณ์ ขณะที่การวิจัยเผยว่าผู้คนมักเสียสละสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุขอย่างการไปเที่ยวในวันหยุดเพียงเพื่อที่จะได้ครอบครองวัตถุ เช่น อสังหาริมทรัพท์หรือที่ดิน เป็นต้น
6. เด็กๆสมัยนี้ค่อนข้างเครียด โดยนักเรียนชั้นมัธยมปลายมีอาการเครียดพอๆกับผู้ป่วยทางจิตในยุค 1950
ร้อยละ 49 ของประชากรทั่วไปป่วยเป็นโรคเครียด ภาวะซึมเศร้า หรือใช้สารเสพติดและมีหลักฐานว่ามนุษย์มีอาการเครียดเพิ่มมากขึ้นทุกทศวรรษแถมมีเหตุผลมากมายรองรับด้วย ยกตัวอย่างเช่น ผู้คนมีการโยกย้ายที่อยู่บ่อย มีปฏิสัมพันธ์ในชุมชนน้อยลง เปลี่ยนงาน แต่งงานน้อยลง และเลือกที่จะอยู่คนเดียวมากขึ้น
7. กิจกรรมทางศาสนาเช่นการสวดมนต์และทำบุญมีความเกี่ยวโยงกับระดับความซึมเศร้า
ผลการศึกษาเผยว่าบุคคลที่เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาอาจมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าและอาการบกพร่องทางจิตน้อยกว่าปกติ
8. แม้ว่าเงินจะซื้อความสุขได้แต่การศึกษาพบว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นมานั้นทำให้คนเรามีความสุขเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
การศึกษาในปี 2008 และปี 2009 กับชาวอเมริกา 450,000 คนพบว่าความสุขแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ ความสมบูรณ์ด้านอารมณ์ กับการประเมินผลคุณภาพชีวิตโดยรวม ยิ่งคนเรามีเงินมากเท่าไรก็ยิ่งมีการประเมินผลคุณภาพชีวิตสูงมากขึ้นเท่านั้น เมื่อคนเรามีรายได้ต่อเดือนหลักล้านบาทขึ้นไป ก็ย่อมมี “เรื่องเยอะ”ตามมาด้วยเช่นกัน
9. การอยู่ท่ามกลางคนที่มีความสุขจะทำให้เรามีความสุขตามไปด้วย
ความเครียดกับความสุขเปรียบเสมือนโรคติดต่อที่สามารถแพร่เชื้อให้กันได้และการอยู่ท่ามกลางคนทั้งสองประเภทนี้ก็จะได้รับอิทธิพลโดยตรง
10. ผู้คนที่มีอายุระหว่าง 18-33 ปีจะมีอารมณ์เครียดมากที่สุด
ช่วงอายุระหว่าง 18-33 ปีคือช่วงที่คนเราจะมีระดับความเครียดสูงสุดและดูเหมือนว่าจะมีแต่ความเครียดที่เพิ่มขึ้นทุกปี แต่พอผ่านอายุ 33 ปีไปแล้วระดับความเครียดก็จะลดลง
11. การหลอกตัวเองให้คิดว่านอนหลับเพียงพอแม้ว่าความจริงแล้วไม่ใช่! แต่ก็ยังสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้
เราทุกคนล้วนต้องเคยอยู่ในสถานการณ์ที่หวังว่าจะได้นอนต่ออีกสัก 1-2 ชั่วโมง การศึกษาล่าสุดพบว่าเมื่อผู้ป่วยได้รับข้อมูลว่าพวกเขามีการนอนหลับสูงกว่าค่าเฉลี่ย (ทั้งที่จริงๆแล้วไม่ใช่) พวกเขาจะทำการทดลองได้ดีขึ้น หรือที่เรียกกันว่า “การนอนหลับหลอก”
12. คนที่ฉลาดมีแนวโน้มที่จะประเมินตัวเองต่ำ ส่วนคนที่ไร้การศึกษามักเชื่อว่าตัวเองฉลาด
บุคคลที่ไร้ทักษะจะเชื่อว่าตัวเองเก่งและประเมินความสามารถของตัวเองสูงกว่าความเป็นจริง ขณะที่บุคคลที่ทักษะสูงมักประเมินตัวเองต่ำและคิดว่าสิ่งที่ง่ายสำหรับพวกเขาก็น่าจะง่ายสำหรับคนอื่นด้วย
13. หากคุณจำเหตุการณ์ในอดีตได้ อันที่จริงคุณจำครั้งสุดท้ายที่คุณจำได้ต่างหาก ไม่ใช่เหตุการณ์สักหน่อย
การศึกษาล่าสุดพบว่าความทรงจำมักจะผิดเพี้ยนไปตามกาลเวลา
14. การตัดสินใจจะใช้เหตุผลมากขึ้นหากคิดเป็นภาษาต่างประเทศ
การคิดเป็นภาษาต่างประเทศจะช่วยลดความกลัวที่ฝังรากลึกและอคติที่ทำให้เข้าใจผิด
ที่มา: eduzones