ภายในอีก 11 ปีข้างหน้า ประเทศจีนมีแผนที่จะย้ายประชาชนจำนวน 250 ล้านคนเข้าสู่เมือง ดังนั้นภายใน 11 ปี จีนต้องสร้างสิ่งก่อสร้างพื้นฐานอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทางหรือแม้กระทั่งบ้าน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
โดยในปี 2014 ที่ผ่านมาจีน ได้มีแผนชื่อว่า “National New-type Urbanization Plan (2014-2020)” เพื่อทำการพัฒนาประเทศให้เจริญยิ่งขึ้น โดยจุดประสงค์หลักๆคือการย้ายประชากรจำนวน 250 ล้านคน(เท่ากับประชากรทั้งหมดของประเทศอินโดนีเซีย) เข้ามาอยู่ในมหานครของจีน โดยจีนมีโครงการที่จะสร้างทั้งถนน สะพาน ระบบขนส่งแบบราง และอื่นๆ
เราตามไปดูกันเลยดีกว่าครับ ว่าที่ผ่านมานั้นจีนจะพัฒนาไปแค่ไหน
ในปี 1867 มณฑลเหอหนานก็มีประชากรแล้วถึง 363 ล้านคน
จีนก็เริ่มการผลิตและส่งออกอุปกรณ์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อย่างแพร่หลาย มีเมืองใหญ่เติบโตขึ้นมากมาย

ต้นปี 1991 รัฐบาลจีนมีโครงการปรับปรุงทัศนียภาพชุมชนเมือง มีการรื้อถอนทำลายอาคารหลายแห่ง
ประชากรกว่า 30,000 คนต้องอพยพเพื่อการก่อสร้างสวนสาธารณะ

ร้านแมคโดนัลด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่ในปักกิ่ง การก่อสร้างและรถเครนขนาดใหญ่กลายเป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาชุมชนเมือง

สินค้าและห้างร้านจากยุโรปเริ่มเข้ามาเปิดกิจการและขยายสาขาในประเทศจีน ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ เติ้ง เสี่ยวผิง เริ่มปรับนโยบายตามตะวันตกโดยการเปิดรับการพัฒนาใหม่ๆ

ตึกสูงและอาคารหลายแห่งถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็เกิดการรื้อถอนทำลายไปไม่น้อยเช่นเดียวกัน

มีการสร้างเขื่อนซานเสียต้าป้า เพื่อกักเก็บน้ำจากแม่น้ำแยงซี และตอนนี้ได้กลายเป็นสถานีพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 18 ปี

จีนยังมีแผนการเกี่ยวกับการพัฒนาความเจริญโดยรอบพื้นที่เขื่อน ภาพความแตกต่างของปี 1987 และปี 2006 สามารถแสดงการพัฒนาของประเทศนี้ได้เป็นอย่างดี

ภาพถ่ายดาวเทียมในปี 1973 นั้นแสดงให้เห็นว่าจีนยังอุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยพื้นที่ธรรมชาติที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา

ต่อมาในปี 2003 ความเจริญทางอุตสาหกรรมก็ก้าวเข้ามาและเปลี่ยนแปลงสภาพทั้งหมด

จีนมีแผนที่จะพัฒนาเมืองหลายแห่งให้เจริญก้าวหน้าเทียบเท่าปักกิ่ง ซึ่งต้องเริ่มจากการสร้างถนนหนทางเพื่อนำความเจริญเข้าไปยังพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งสะพาน ฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า แห่งนี้ด้วย

ตึกและอาคารสูงถูกสร้างขึ้นทุกพื้นที่ ประชาชนต้องปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลง รวมทั้งชายในเมืองเซินเจิ้นคนนี้ด้วย

แม้ว่าการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมแล้วความเจริญจะเป็นไปอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ก็มักเกิดคำถามเสมอว่าเม็ดเงินที่เสียไปนั้นคุ้มค่ากับสิ่งที่จะได้รับหรือไม่

การคมนาคมขนส่งคือปัจจัยสำคัญของการพัฒนา จีนมีแผนจะอำนวยความสะดวกแก่ผู้คนเพื่อลดระยะเวลาการเดินทางเข้ามาทำงานในเมือง

การก่อสร้างและทำลายกลายเป็นเหมือนแบบแผนอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติในประเทศ ความล้าสมัยแบบเก่าถูกรื้อถอน ความเจริญก้าวหน้าถูกนำมาแทนที่

แน่นอนว่าการทำลายย่อมสร้างความเสียหายและกระทบกระเทือนต่อชีวิตจิตใจของผู้คน ในภาพนี้หญิงคนหนึ่งพยายามทำร้ายคนงานด้วยการขว้างก้อนอิฐ

ด้วยความสูญเสียและบอบช้ำ Huang Sufang ตัดสินใจฆ่าตัวตาย เรื่องราวของเธอกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบจากแผนการพัฒนาประเทศของจีนที่มีต่อประชาชน

เกษตรกรและชาวนาจำนวนมากยังอาศัยอยู่นอกเมือง พรรคคอมมิวนิสต์โน้มน้าวให้พวกเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโดยให้คำมั่นว่าจะทำให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาดีขึ้น แต่พวกเขายังคงมีความสงสัยและไม่แน่ใจ

แม้ว่าการก่อสร้างจะรุกล้ำเข้ามา เกษตรกรในมณฑทอานฮุยยังคงเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไป

ตึกสูงเสียดฟ้าถูกสร้างขึ้นเต็มพื้นที่ แต่ห้องส่วนใหญ่ยังไม่ถูกจับจอง รัฐบาลหวังว่าประชาชนจำนวนมากจะย้ายมาอาศัยอยู่ในเมืองที่พัฒนาแล้วนี้

ในเมืองใหญ่หลายแห่ง เหล่าผู้อพยพและผู้ใช้แรงงานยังคงอาศัยอยู่ในเขตที่เสื่อมโทรมและไม่ได้รับการพัฒนา

ที่พักอาศัยส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาแบบชั่วคราว อย่างเช่นที่พักแห่งนี้ที่สร้างขึ้นมาใกล้กับเขตก่อสร้างที่อาคารขนาดใหญ่กำลังถูกสร้างขึ้น

ทางด่วนและถนนซูเปอร์ไฮเวย์ถูกสร้างขึ้นมามายมายใจกลางเมืองใหญ่เพื่อรองรับการคมนาคมและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาความเจริญ

ในปี 1867 ผู้คนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกระท่อมหลังเล็กๆ แต่ปัจจุบันอาคารสูงเสียดฟ้ากลายเป็นสถานที่พักพิงที่สำคัญ

ความหนาแน่นของตึกระฟ้าเป็นภาพที่เห็นจนชินตาในเมืองใหญ่
จีนเป็นประเทศที่พัฒนาได้ไวมากๆเลยนะครับ แต่การพัฒนาที่เห็นนี้จะเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนหรือไม่!? งานนี้ต้องดูกันไปซักระยะหนึ่งครับผม
วันนี้ก็ต้องขอลากันไปเพียงเท่านี้ แล้วกลับมาพบกับวาไรตี้ดีๆอัพเดททุกวันกับ Scholarship.in.th กันนะครับ
ที่มา : kaloknews


