GED vs Diploma แตกต่างกันอย่างไร? ใช้เข้ามหาวิทยาลัยได้เหมือนกันหรือไม่??

มาทำความรู้จักระบบการศึกษาของสหรัฐอเมริกาอย่าง GED (General Educational Development) และ Diploma กันเถอะ!! เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหูกับสองคำนี้แต่ยังไม่รู้ความแตกต่างของมัน

วันนี้เรามีรายละเอียดน่ารู้สำหรับทั้ง 2 ระบบนี้สำหรับใครที่สนใจศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ทั้ง GED และ Diploma จะต่างกันอย่างไรบ้าง? ไปดูกันเลย :D

GED คืออะไร?

GED หรือ General Educational Development คือข้อสอบเทียบการจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายตามหลักสูตรการศึกษาของสหรัฐอเมริกา ที่แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญของผู้สอบด้าน Reasoning Through Language Arts (RLA), Social Studies, Mathematical Reasoning, และ Science โดยข้อสอบจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด

ทั้งนี้ ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี, ผู้ที่ลงทะเบียนเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และผู้ที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแล้วจะไม่สามารถสอบ GED ได้

อย่างไรก็ตามการสอบ GED นั้นไม่มีการจำกัดอายุ ไม่มีข้อจำกัดด้านชั่วโมงเรียนเหมือนในโรงเรียนทั่วไป สามารถสอบได้หลายครั้งหรือสอบครั้งเดียวผ่านทั้ง 4 วิชาก็ได้ นั่นเท่ากับว่าอาจมอหกเลยได้ภายในหนึ่งสัปดาห์

เกณฑ์การวัดผลคือทุกวิชามี Scale ตั้งแต่ 100 ถึง 200 คะแนน ในแต่ละวิชาต้องไม่น้อยกว่า 145 คะแนนจึงจะถือว่าสอบผ่านและได้รับ GED Diploma and Transcript ซึ่งเอกสาร 2 อย่างนี้จะต้องทำการ Request ในระบบหลังจากสอบผ่านแล้ว มิฉะนั้นจะไม่มีเอกสารใดๆส่งมา

สำหรับใครที่สนใจสมัครสอบสามารถดูรายละเอียดและวิธีการสมัครตามเว็บไซต์ดังต่อไปนี้ ged และ gedthailand

Diploma คืออะไร?

หากแปลเป็นภาษาไทย Diploma นั้นมีความหมายว่า ‘ประกาศนียบัตร’ ที่นักเรียนเมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจะได้รับพร้อมวุฒิการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

เพื่อให้ได้ประกาศนียบัตรนั้น นักเรียนต้องเรียนในโรงเรียน เก็บชั่วโมงเรียน ทำข้อสอบในแต่ละวิชาให้ได้ตามเกณฑ์ ไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ เหมือนกับ GED

เรียกได้ว่าเป็นระบบทั่วไปที่มาพร้อมกับเกรดเฉลี่ยซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เข้ามหาวิทยาลัยได้ตามที่ต้องการ

ไม่ว่าจะเป็นระบบ GED หรือ Diploma ทั้งสองทางนี้ก็เป็นหนทางสู่มหาวิทยาลัยที่จะเปิดประตูมากมายให้กับคุณเองในอนาคต ลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมว่าเส้นทางไหนที่ตอบโจทย์ความฝันของคุณ​ แล้วมุ่งไปให้ถึงตามใจฝัน!

ที่มา: careergeekblog & gedthailand